SENNHEISER


อีกหนึ่ง Brand คุณภาพที่มีประวัติยาวนาน เริ่มตั้งแต่ Dr.Fritz Sennheiser ก่อตั้ง Lab W (Laboratorium Wennebostel) ตั้งแต่ปี 1945 จนมาเปลี่ยนชื่อเป็น Sennheiser Electronic ในปี 1958


Product line ที่เป็นที่รู้จักกันในปัจจุบันนั้นมีตั้งแต่ หูฟังหลากหลายรูปแบบทั้ง Home Use จนถึงระดับ Professional, ไมโครโฟนสายและไร้สาย หลากหลายรุ่น รวมถึงระบบประชุม ซึ่งถือเป็นอีก 1 Brand แถวหน้าของโลกเครื่องเสียงยุคปัจจุบัน


ลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องไมโครโฟนของ Sennheiser เริ่มกันจากไมค์สายที่มีเข้ามาขายกันอยู่


Evolution Series ที่ออกสู่ตลาดตั้งแต่ปี 1998 จนปัจจุบัน ยังได้รับความนิยมอยู่ ไล่ตั้งแต่ e-835 และ e-835S ไมค์ร้องราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับนักร้องและงานพูดทั่วไป ถ้าขยับขึ้นไปอีกนิดคือรุ่น e-845 และ e-845S ก็จะได้ย่านความถี่สูงหรือย่าน High ที่คมชัดมากขึ้น ส่วนรุ่นใหญ่สุดของ Evolution Series 800 คือ e-865 ละ e-865S ที่รับเสียงแบบ Super-cardioid condenser microphone และให้น้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติและคมชัดยิ่งกว่ารุ่นเล็ก


ถัดขึ้นไปคือไมค์ร้องใน Series 900 ซึ่งจะให้น้ำเสียงที่อุ่นกว่าและมีย่าน low mid ที่ดีกว่า series 800 มีตั้งแต่ e-935 dynamic mic แบบ cardioid e-945 แบบ super-cardioid ที่จะโดดเด่นกว่าในช่วง high และ e-965 super-cardioid condenser microphone ถือเป็นตัว Top สุดของสายไมค์สายสำหรับงานร้องเพลงและพูด


ต่อกันที่ไมค์สายสำหรับจับเสียงเครื่องดนตรี ยังอยู่ในหมวดของ Evolution Series เช่นเคย เริ่มกันด้วย


Series 600 กับ e-602 II mark 2 สำหรับไมค์จับเสียงกระเดื่อง หรือ Bass Drum ตอบสนองย่านความถี่ตั้งแต่ 20 Hz - 16 kHz เก็บย่าน Low-end ที่ต้องการความสั่นสะเทือนได้ดี เหมาะสำหรับจับเสียงเครื่องดนตรีย่านความถี่ต่ำเช่น Bass Drum, Bass Guitar, Tuba เป็นต้น


e-604 เหมาะสำหรับชุดกลองทั้ง Snare Drum และ Toms เนื่องจากเป็นไมค์แบบ Clip-on และมีน้ำหนักเบาเพียงแค่ 60 กรัม (ไม่รวมน้ำหนักสาย) ถูกออกแบบมาเหมาะสำหรับหนีบเข้ากับขอบกลอง


e-609 รุ่นรับเสียงแบบ super-cardioid ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับจับเสียงหน้าตู้ โดนเฉพาะตู้กีต้าร์ เหมาะแก่การจับเสียงแบบ close-miking


e-608 dynamic mic ขนาดเล็กที่ออกแบบมาเหมาะสำหรับเครื่องเป่าทั้ง brass และ woodwind สามารถดัดคอไมค์ได้และรับเสียงแบบ super-cardioid


e-614 super-cardioid electret condenser mic เหมาะสำหรับใช้เป็นไมค์จับ Overhead


สำหรับชุดกลอง ก็ยังมีที่จัดเป็นชุดคือ DRUM KIT 600 ประกอบด้วย e-602 II 1 ตัว e-604 4 ตัว และ e-614 2 ตัว มีกระเป๋าใส่ไมค์ให้เสร็จสรรพ


หากมีงบประมาณอีกนิด ขยับขึ้นไปในหมวด series 900 ก็มี instrument mic ให้เลือกเช่นเดียวกับ series 600 แต่จะได้น้ำเสียงที่ดีกว่าและคุณภาพที่เหนือกว่า series 600 มีรุ่นเช่นเดียวกันกับ series 600 ยกเว้นรุ่น


e-901 Condenser boundary plate mic สำหรับจับเสียงกระเดื่องหรือ Bass Drum ที่ให้เสียงเสมือนจริง


ส่วนรุ่นอื่นๆที่เหมือนกันกับ series 600 ได้แก่


e-902 สำหรับ bass drum


e-904 ไมค์หนีบชุดกลอง


e-906 สำหรับจับแอมป์กีต้าร์


e-908 เหมาะกับ brass และ woodwind


e-914 ไมค์ overhead


MK 4 ไมค์คอนเดนเซอร์ ไดอะแฟรมใหญ่ 1” เหมาะสำหรับบันทึกเสียงในสตูดิโอ มี Dynamic Range ถึง 130dB รองรับย่านความถี่ตั้งแต่ 20 Hz ถึง 20kHz ราคาไม่แรง จับต้องได้


MK 8 ตัวนี้จะเป็นรุ่นที่เหนือกว่า ราคาสูงกว่า สามารถปรับรูปแบบการรับเสียงได้ถึง 5 patterns และ dynamic range ถึง 132dB ให้น้ำเสียงที่คมชัดและเป็นธรรมชาติ ผลิตในประเทศเยอรมัน ทั้ง 2 รุ่น


ข้ามมาดูกันที่ Wireless System ระบบไมค์ไร้สาย หรือไมค์ลอย เริ่มตั้งแต่


Series 100 แบ่งเป็น Vocal Set สำหรับงานร้องเพลงหรือพูดแบบมือถือ Head Set สำหรับครอบศีรษะ Instrument Set สำหรับเครื่องดนตรีแบบเสียงแจ็ค และ Presentation Set แบบหนีบปกเสื้อ


Vocal Set SKM 100- มีหัวไมค์ให้เลือก 3 หัว ซึ่งจะเทียบกับหัวในรุ่นไมค์สาย Series 835, 845, 865 ตามแต่ความชอบและงบประมาณ ส่วน


Head Set จะมาพร้อม EM 100 ตัวรับสัญญาณ SK 100 beltpack ส่งสัญญาณ และ ME 3 ไมค์ครอบศีรษะ


Instrument Set คล้ายกับ Head Set แต่เปลี่ยนจากไมค์มาเป็น Cl 1 ปลายสายเป็น Instrument phone jack (1/4”)


Presentation Set ก็เช่นเดียวกันจะมีไมค์หนีบปกเสื้อให้เลือก 2 รุ่นคือ ME 2 และ ME 4


เพิ่มเติมสำหรับ Series 100 EW 100-ENG สำหรับงานประเภทไมค์หัวกล้องหรือชุดที่ไม่ต้องการ base เครื่องรับ ก็จะมีให้เลือกอีกหลายแบบ คือ


EW 100-ENG มาพร้อมกับไมค์หนีบเสื้อ ME 2, Beltpack ตัวส่ง SK 100, Beltpack ตัวรับ EK 100 และ SKP 100


EW 112-P มาพร้อมกับไมค์หนีบเสื้อ ME 2 หรือ ME 4 และ Beltpack EK 100 และ SK 100


EW 135-P เป็นแบบไมค์มือถือ SKM 100 คู่กับตัวรับแบบ beltpack EK 100


ขยับขึ้นไปอีกขั้นคือ Series 300 เริ่มต้นด้วย


EW 300 Vocal Set ประกอบด้วย EM 300 เครื่องรับสัญญาณ และหัวไมค์ให้เลือก 3 รุ่นคือ SKM 300-835, 845 และ 865


EW 352 Head Set มี EM 300 และ SK 300 beltpack ส่วนไมค์เป็นแบบครอบศีรษะ ME 3


EW 300 IEM Monitor Set สำหรับ Wireless in-ear Monitor มาเป็นชุดกับ SR 300 IEM เครื่องส่งสัญญาณ และ EK 300 IEM beltpack รับสัญญาณ แถมหูฟังรุ่น IE 4 มาในชุด


EW 300 Presentation Set คล้ายกับ EW 352 Head Set แต่เปลี่ยนไมค์มาเป็นแบบหนีบเสื้อคือ ME 2 หรือ ME 4


ถ้าต้องการคุณภาพเสียงที่เหนือขึ้นไปอีกก็ต้องมาถึง Series 500


EW 500 Vocal Set มีให้เลือก 3 ชุดคือ EW 500-935, EW 500-945 และ EW 500-965 ซึ่งหัวไมค์ใน Series นี้จะเทียบกับ Evolution Series 900 ซึ่งเหนือกว่า Series 800 ที่มาใน EW 100 และ EW 300


EW 512 Presentation Set กับไมค์หนีบเสื้อรุ่น MKE 2-ew และ


EW 572 Instrument Set หรือพวก Wireless Guitar


ยังมี Series High-End ของ Sennheiser อีกคือ Series 2000, 3000 และ 5000 ที่มีความพิเศษขึ้นไปกว่า Series 500 อีกหลายประการ โดยเฉพาะใน Series 3000 และ 5000 จะมีหัวรุ่น KK 105 S ซึ่งเป็นหัวไมค์จาก Neumann ที่มีความละเอียดในการรับเสียงสูงมากและให้น้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดอีกด้วย


ส่วนรุ่นที่ราคาย่อยเยาหน่อย สำหรับเริ่มต้นเข้าสู่โลกของไมค์ลอย ก็คงต้องมองไปที่ XS Wireless Series ที่มีให้เลือกกันทุกรูปแบบการใช้งาน


XSW 12 สำหรับงาน Presentation มาพร้อมกับไมค์หนีบเสื้อ


XSW 52 แบบ Head Set เหมาะกับงานที่ต้องเคลื่อนไหวมากๆและต้องใช้ทั้งสองมือทำงาน เช่น Fitness Trainer


XSW 35 Vocal Set สำหรับงานร้องเพลงหรือพูด หัวไมค์เป็น SKM 35 dynamic cardioid mic


XSW 65 Vocal Set สำหรับงานร้องเพลงหรือพูดเช่นกัน หัวไมค์เป็น SKM 65 condenser super-cardioid mic


 

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

comments-form-wrapper clearfix